CO-HOST คนสำคัญในวันสำคัญของคุณ
เราคงเคยได้ยินคำว่า WEDDING PLANNER หรือ “นักวางแผนงานแต่งงาน” ที่ทำหน้าที่ช่วยวางแผนต่างๆให้บ่าวสาวทั้งหมดตั้งแต่ หาสถานที่แต่งงาน หาชุดบ่าวสาว ประสานงานกับสถานที่และโรงแรม รวมไปถึงให้คำปรึกษาเรื่องของการตกแต่ง รวมไปถึงการควบคุมคิวงานต่างๆในวันงานร่วมกับ Organizer
แต่เทรนด์การแต่งงานก็ได้เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา จากในอดีตที่งานแต่งงานมักมีงานฉลองในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่คนเป็น ร้อยพันคน ในปัจจุบัน จำนวนที่ได้รับความนิยมคือ บ่าวสาวเชิญแขกคนสนิท ประมาณ 100-300 คน ทำให้ภายในงานมีขนาดที่กำลังดี มีแต่ความอบอุ่นและใกล้ชิด อีกทั้งรายละเอียด Vendors ของงานแต่งงานนั้นก็มีมากขึ้นและบ่าวสาวสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลได้หลากหลายช่องทางจากสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นทำให้บ่าวสาว สามารถที่หาข้อมูลและศึกษารายละเอียดในแบบที่ตนเองชอบได้มากขึ้นและง่ายขึ้น
จากรูปแบบที่เปลี่ยนไปดังกล่าวนั้นทำให้ วาระเวลา มองเห็นบทบาทของ Wedding Planner เปลี่ยนไป จากการเป็น Planner เปลี่ยนมาเป็น Co-Host กล่าวคือเป็นเจ้าบ้านที่เข้าใจบ้านมากที่สุดและพร้อมช่วยคิดช่วยวางแผนให้ลูกค้าอุ่นใจ ในขณะที่งาน Planner หลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็น งานชุด งานการ์ด หรือ Presentation นั้นลูกค้าก็สามารถทำได้เองในปัจจุบัน
หน้าที่ของ In-house Wedding Planner นั้น คือ: 1. ช่วยวาง Sequence หรือลำดับพิธีการต่างๆที่จะเกิดขึ้นในวันงาน ทั้งนี้ In-house Wedding Planner เป็นผู้ที่มีความเข้าใจบ่าวสาวและสถานการณ์ในวันงานมากที่สุด เพราะมีประสบการณ์ต่างๆในสถานที่ ดังนั้นจะสามารถให้คำปรึกษา เกี่ยวกับลำดับพิธีการเบื้องต้น เพื่อเป็นแนวทางในการเตรียมงานในขั้นตอนต่อๆไปได้ ตลอดจนประสานงานเรื่องลำดับคิวงานของบ่าวสาวให้กับทางทีม Run Queue ที่ดูแลในวันงานให้เป็นไปอย่างราบรื่น
2. ช่วย วางแผนเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม วาระเวลาเชื่อในความพอเหมาะและพอดี โดย In-house Wedding Planner จะทำหน้าที่ในการช่วยคำนวณปริมาณของอาหาร ให้สอดคล้องกับจำนวนแขกและให้คำปรึกษาเรื่องรูปแบบของอาหารต่างๆให้เหมาะสม
3. ประสานงานกับ In-House Decorator
การตกแต่งที่สมบูรณ์แบบนั้นจะช่วยให้ งานแต่งงานนั้นออกมาพิเศษที่สุด การทำงานร่วมกันระหว่าง In-house wedding planner และ In-house Decorator นั้นจะช่วยให้งานออกมามีรายละเอียด ลดความผิดพลาดต่างๆที่จะเกิดหน้างาน และที่สำคัญทำให้บ่าวสาวสามารถควบคุม Budget ทั้งงานได้ด้วยการคุยกับ Planner ที่เดียว
4. ประสานงานกับทีม Event Coordinator
รายละเอียดต่างๆในวันงานเป็นเรื่องสำคัญและมีรายละเอียดหลายส่วน เช่น เบอร์ทะเบียน รถ VIP ที่นั่ง RSVP การรับ-ฝากของสำคัญต่างๆ ณ วันงาน หรือแม้แต่การนัดประสานงานเพื่อชิมอาหารต่างๆ In-house Wedding Planner จะช่วยรวบรวมข้อมูลต่างๆ และทำการส่งให้ Event Coordinator เพื่อให้มั่นใจว่า รายละเอียดสำคัญต่างๆนั้นอยู่ครบครัน และไม่มีอะไรที่ขาดตกบกพร่อง 5. เพื่อนคู่คิดตั้งแต่วันแรกจนวันสำคัญ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแต่งงานนั้นเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต การที่เราจะมีใครสักคนให้ปรึกษาและพูดคุย รวมถึงติดต่อได้ตลอดตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเยี่ยมชมสถานที่ จนกระทั่งถึงวันสำคัญในวันงานนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก นอกเหนือจาก เรื่องหลักๆแล้วนั้น บ่าวสาวก็ยังสามารถพูดคุยติดต่อกับ In house Wedding Planner ของวาระเวลาได้ ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการปรึกษาเรื่อง ชุดแต่งงาน ของชำร่วย การ์ดแต่งงาน ช่างแต่งหน้าเจ้าสาว
In-house Wedding Planner น่าจะเป็นรูปแบบของ Service ที่ตอบโจทย์การแต่งงานสมัยใหม่ที่ บ่าวสาวก็สามารถที่จะเป็น Host งานของตัวเองได้อย่างเป็นกันเองและมีคุณภาพ สิ่งที่บ่าวสาวต้องการก็อาจเป็นเพียงแค่ Co-host หรือใครสักคนที่มาช่วยดูแลรายละเอียดต่างๆให้ เพื่อให้รายละเอียดต่างๆในวันสำคัญสมบูรณ์แบบนั่นเอง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
#แต่งงาน
#แต่งงานในสวน
#แต่งงานริมทะเล
#แพคเกจแต่งงาน
#สถานที่จัดเลี้ยง
#สถานที่จัดงานแต่งงาน
#แพคเกจแต่งงาน2021
#แพคเกจแต่งงานเช้าเลี้ยงเที่ยง
#สถานที่แต่งงาน
#สถานที่แต่งงานในสวน
#ชุดแต่งงาน
#พิธีแต่งงาน
#จัดงานแต่งงาน
#แต่งหน้าเจ้าสาว
#สถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง
#ของชำร่วย
#วางแผนแต่งงาน
#การ์ดแต่งงาน
#ฤกษ์แต่งงาน
#รีวิวงานแต่ง
Yorumlar